เมื่อเอ่ยถึง "คุณพ่อ" ฉันก็ต้องนึกถึงผู้ชายตัวเล็กๆ ไม่สูงมากนัด คล่องแคล่ว ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า "พ่อใหญ่จารย์คูณ" คำว่า "จารย์" ทราบภายหลังว่า หมายถึงคนที่บวชในพระพุทธศาสนา ศึกษาเล่าเรียนธรรมะ ระยะหนึ่ง ตามจริงแล้วควรจะหลายพรรษา จนเป็นที่ยอมรับของคนในชุมชน จากนั้นมติของชาวบ้านพุทธศาสนิกชนเห็นชอบ ก็จะทำพิธีสรงน้ำ ภาษาอีสาน เรียกว่า "หด" หรือ "หดสรง" จากนั้นหากเป็นพระก็จะมีคำว่า "จารย์ครู" นำหน้าชื่อ หากสึกจากพระมาก็ยังคงเรียก "จารย์...." นำหน้าชื่อนั่นเอง จึงเชื่อได้ว่า พ่อจารญ์คูณ จะต้องเป็นผู้ที่เป็นนักบวชคนหนึ่งทีเดียว แต่นั่นคือการสันนิษฐาน เท่านั้น แต่หลักฐานที่ยืนยันแน่นอนว่า คุณพ่อจารย์คูณ เป็นคนธรรมะ ธรรโม ก็คือ ฉันได้เห็นคำสั่งแต่งตั้ง ไวยวัจรกร แม้จะมีบางครั้ง หลายคนอยากทำหน้าที่นี้ แต่ก็ไม่มีใครแทนที่พ่อได้ ทุกเช้าพ่อจะต้องไปวัด นำชาวบ้านไหว้พระ ขอศีล ขอพร ทุกวัน เรียกว่าไม่เคยเว้น นอกจากมีภาระกิจอื่นๆ
ส่วนในช่วงตอนเย็น สิ่งที่เห็นประจำคือ ชาวบ้านจะมาขอร้องให้ไปทำขวัญ หรือ ภาษาถิ่นเรียกว่า "แต่งแก้" (คือแก้จากการที่จะมีเคราะห์ ให้มีโชคแทน) ทางภาษากลางอาจเรียกว่า สะเดาห์เคราะห์ หรือบางวันก็อาจเรียกว่า "เสียเคราะห์" ถือว่าเป็นที่พึ่งของชาวบ้านอย่างแท้จริง เพราะการทำของท่าน ไม่หวังผลตอบแทนแต่อย่างใด ค่าตอบแทนอาจเป็นแค่ ไก่ต้มฟองหนึ่งดอกไม้ธูปเทียน เท่านั้นก็พอแล้ว มาคิดถึงทุกวันนี้ หากพ่อจารย์คูณ มีชีวิตอยู่ในสมัยนี้ คงจะมีค่ากับข้าวอย่างไม่เดือดร้อยแน่นอน เพราะเห็นทุกวันนี้ ครั้งละเป็น ห้าร้อย เป็นพัน ก็มี แล้วงานมากอย่าคุณพ่อทำสมัยนั้น แทบหาวันว่างไม่มี อุปกรณ์ของพ่อคือ หนังสือใบลานหนึ่งผูก แล้วแต่ว่าเป็นงานอะไร
ถือได้ว่าความเคารพนับถือของชาวบ้านและการเป็นตัวอย่างที่ดีจึงทำให้ชาวบ้านยอมรับ ตลอดที่ฉันเกิดมา ฉันไม่เคยเห็นพ่อใหญ่จารย์คูณ เมาเหล้าแม้แต่ครั้งเดียว ไม่เคยเห็นยกเหล้าขึ้นดื่มเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่ท่านน่าจะมีโอกาสมาก ทุกหลังคาบ้านที่ทำบุญทุกอย่าง ตั้งแต่บุญสู่ขวัญข้าว ก่อนเปิดเล้าข้าว พ่อใหญ่จารย์คูณ ก็จะเป็นหมอสู่ขวัญข้าว แทบทุกหลังคาทีเดียว ช่วงนั้นราวเดือนสาม ก็จะพลอยโชคดี ได้กินต้มไก่ ที่เขานำมาเป็นเครื่องสังเวย หรือเรียกว่า "คาย" อยู่บ้างเท่านั้น
ส่วนบุญอุทิศ หรือ บุญแจกข้าว ทุกบ้าน พ่อใหญ่จารย์คูณ จึงได้เป็น โฆษก ประจำงานทุกงาน สมัยนั้น เครื่องขยายเสียงมีไม่กี่เจ้า มีเจ้าหนึ่ง ชื่อพ่อใหญ่บิน* (จะได้กล่าวถึงคนนี้อีกภายหลัง) จะเปิดเพลงประจำของแกอยู่เพลงหนึ่ง เรียกว่าพอเดินสายไฟเสร็จ แล้วเพลงแรกที่แกจะเปิดคือ เพลง "น้ำท่วม" ของศรคีรี ศรีประจวบ เป็นอันดับแรกทุกครั้ง
เครื่องเสียงสมัยก่อนเปิดเพลงโดยใช้แผ่นเสียง เท่านั้น ไม่มีเทปคัสเซส แผ่นเสียงทำมาจากแผ่นครั่ง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 10 นิ้ว หน้าหนึงอาจใส่แค่เพลงเดียว คุณภาพเสียงพอใช้ได้ทีเดียว แต่ต้องรักษาให้ดี อย่าให้มีรอย เพราะหากมีรอย เข็มอาจกระโดด วนเนื้อเดิม หรือ ข้ามข้อความไปก็มี
มาว่ากันต่อ พ่อใหญ่จารย์คูณ เป็นคนพูดอย่าเดียว ส่วนว่าจะเป็นแบบแถมพร ทำนองสรภัญญ์ เจ้าภาพต้องหาหรือจ้างมาต่างหาก
จึงสรุปว่าคุณพ่อ หรือที่ชาวบ้านเรียก "พ่อใหญ่จารย์คูณ" จึงเป็นพังพ่อพระของฉัน หรือของครอบครัวเรานั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น