วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เริ่มจำความได้

      ทุ่งนาที่อยู่ตรงหน้าบ้าน มีชื่อเรียกว่า "หนองอี่โง่ง" ออกเสียงเป็น โทงอีโง่ง อาจจะมีที่มาจากมันมีรูปโค้ง หรือโง้ง นั่นเอง เป็นหนองขนาดเล็ก ไม่ลึกมากนัก ประมาณว่าสามารถปลูกข้าวได้เกือบทั้งหนอง ข้อดีของทุ่งแห่งนี้คือ น้ำจากหมู่บ้านไหลมาลงที่นี่เกือบครึ่งหมู่บ้าน ทำให้ดีนดี อุดมสมบูรณ์ ต้นข้าวต้องปักดำให้ห่างกันไว้ เพราะมันจะแตกกอ ดีมาก นอกจากนั้นยังมีพืชน้ำขนาดเล็ก เรียกเป็นภาษาถิ่นว่า "หังเหย" พืชน้ำขนาดเล็กที่ลอยเต็มผิวน้ำ บ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ ของแหล่งน้ำนั่นเอง แต่เมื่อถึงหน้าแล้ง ทุ่งแห่งนี้ก็เป็นสนามเด็กเล่น ไปโดยปริยาย แต่ต้องอยู่เฉพาะใกล้บ้านเท่านั้น เพราะไกลออกไป ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง เพราะตอนค่ำชาวบ้านบางคนจะใช้ทุ่งแห่งนี้ เป็นสุขา เพื่อปลดทุกข์ อย่างไม่อายใคร ส่วนมากก็อาศัยตารอยของควายนั่นเอง นั่นคือยุกนั้น ส้วม ยังมีไม่ครบทุกครัวเรือน
      บ้านหลังนั้นถือว่าเป็นบ้านหลังใหญ่พอควรทีเดียว มีนอกชาน ที่รวมกับเรือนครัว ที่ใหญ่ประมาณครอบครัวของบางบ้านในทุกวันนี้ ครัวเป็นหลังที่กว้างใหญ่พอสมควร มีกี่ไฟ เป็นประมาณกรอบไม้สี่เหลี่ยมกว้างยาวราวหนึ่งเมตร ใส่ดินหรือขี้เฒ่าไว้ เพื่อใช้ตั้ง ก้อนเส้า หรือเตาไฟ ซึ่งต้องใช้เตาถ่านหรือใช้ฟืนก็ได้ ในครัวจึงมีอุปกรณ์การครัว ส่วนปลายสุดของครัวจะเป็น ฮ้านแอ่งน้ำ หรือก็คือ ที่สำหรับตั้งหม้อหรือตุ่มน้ำขนาดย่อม ที่ทำด้วยดินเหนียว ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ที่ใช้ดินมาปั้นหม้อใส่น้ำ ดินที่เผาจนสุกจึงแข็งพอใสน้ำได้ แต่พอน้ำซืมออกมาด้านนอก ก็ระเหยกลายเป็นไอ การระเหยจะต้องอาศัยความร้อนส่วนหนึ่งนั่นคือ จะทำให้น้ำในแอ่ง หรือ หม้อ นั้นเย็นได้นั่นเอง
      สำหรับภาชนะที่ตักน้ำหรือที่เรียกว่า "กระบวย" ทำมาจากกะลามะพร้าว เลือกที่แก่จัด ขุดเอาเนื้อออกให้หมด ผิวด้านนอกขูดให้เรียบ จากนั้นมีคันกระบวย ที่มักจะทำเป็นที่จับ คนที่มีศิลปะก็จะทำเป็นคันที่โค้งงออ่อนช้อย ตามด้วยการสลักหรือทำเป็นลวดลาย ตามแต่ใครจะมีศิลป์ในการออกแบบ
     มีเรื่องเล่าว่าเจ้าของบ้านหลังหนึ่ง ต้อนรับแขกด้วยการให้กินมะขามป้อมก่อน แล้วค่อยให้ดื่มน้ำ ด้วย กระบวย เนื่องจากมะขามป้อมมีรสฝาดอมหวาน แต่พอไปดื่มน้ำ น้ำจะมีรสหวาน แขกที่มาเข้าใจผิดคิดว่ารสหวานเกิดจากกระบวยอันนั้น จึงออกปากขอซื้อกระบวยนั้นไปในราคาที่แพงพอควรทีเดียว
     แต่ "ฮ่านแอ่งน้ำ" ของบ้านนี้อาจอยู่ไกลนิดหนึ่ง หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ต้องเดินไปนิดหนึ่ง ส่วนธรรมเนียมของบ้านเรา เมื่อแม่หากับข้าวเสร็จ แม่หรือลูกๆ ก็จะเอาขันตักน้ำมาเตรียมไว้ให้พ่อคนเดียวเท่านั้น แต่ก็มีบางครั้งนะที่ ถ้าพ่ออิ่มก่อน แล้วเราอิ่มหลัง ก็พลอยได้ประโยชน์จากนันน้ำของพ่อด้วย แต่สำหรับตอนค่ำมันอาจจะมืดไปนิดหนึ่ง แต่ด้วยความเคยชิน หลับตาเดิมก็คงจะพอไปถึงน้ำดื่มได้อยู่แล้ว
     แม่เล้าว่า เย็นวันหนึ่ง พี่ชายคนติดกับฉันนี่แหละ อิ่มแล้วก็จะออกไปดื่มน้ำ พอดีกับมีแมวตัวหนึ่งมันเข้ามาในครัว พี่ชายก็ตกใจกระโดดกลับเข้าบ้าน แมวเองก็ตกใจไม่น้อย มันก็รีบวิ่งหนี เสียงร้องด้วยความตกใจ พร้อมกับการกระโดดกลับ ว่า "อี่แม่....แมวย้านข้อย"  ทำนองว่า แมวกลัวตัวเองแล้ววิ่งหนี ทั้งที่ตนเองก็กระโดดกลับเข้าบ้านแทบไม่ทัน (ฮ่าๆๆๆ แอบนินทาพี่ตัวเอง)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น